ขนาดบรรจุ 60แคปซูล
ราคาปลีก 1,238 บาท
ราคาสมาชิก 990 บาท
16 PV
OMEGA LIFE 3
เป็นการผสมผสานของกรดไขมันโอเมก้า 3
ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบหัวใจและหลอด เลือด รวมถึงสมอง
เพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น
ช่วยยับยั้งความเสื่อมของเซลล์ก่อนวันอันควร
OMEGA LIFE 3 มีลักษณะเป็นสารสีเหลืองอำพันมีความหนืดเล็กน้อย ละลายในไขมัน
แต่ละเม็ดประกอบด้วย ไอโคซาเพนตาอีโนอิค (Elcosapentaenoic acid : EPA) 800 มิลลิกรัม, โดโคซาเฮกซาอีโนอิค (Docosahexaenoic acid : DHA) 400 มิลลิกรัม และวิตามินอี
นอกจากนี้ยังประกอบด้วย เจลาติน, กลีเซอรีน, น้ำบริศุทธิ์ (purifiled water) และน้ำมันผิวส้ม (orange oil)
OMEGA LIFE 3 ผ่านกรรมวิธีการกลั่นบริสุทธิ์ และมีการผสมน้ำมันผิวส้ม (orange oil) เพื่อป้องกันการเหม็นคาว
ข้อแนะนำการใช้
รับประทานมื้อละ 2 เม็ด พร้อมอาหาร (แนะนำทานควบคู่กับ V Plus)
ข้อควรระวัง
ปกติแล้ว OMEGA LIFE 3 ไม่ก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ใดๆ แต่อาจจะพบการแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อได้บ้างเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดอื่นๆ และอาจจะรู้สึกเหม็นคาวขณะรับประทานได้บ้างบางครั้ง
บรรจุภัณฑ์
เป็นลักษณะแคปซูลใสสีเหลืออำพัน ขนาดเล็ก 120 แคปซูล
ผลิตภัณฑ์นี้อยู่ใน PDR
PDR คือ อะไร ?
ประโยชน์และการวิจัย
ผล การวิจันแนะนำว่าการบริโภคน้ำมันปลาจะช่วยส่งเสริมการทำงานของสมองและ ประสิทธิภาพในการมองเห็น ในปี ค.ศ. 2002 องค์การอาหารและยาของสหรัฐได้อนุญาตให้มีสารประกอบของดีเอชเอในอาหารสำหรับ ทารก ซึ่งดีเอชเอเป็นสารประกอบที่สำคัญต่อพัฒนาการของเซลล์สมองของเด็กทารก นอกจากนี้ดีเอชเอ และกรดอาแรคคคิโดนิก (Arachidonic acid) ยังเป็นสารประกอบที่สำคัญของสมองและจอประสาทตาที่เด็กทารกเกิดถึงสามเดือน แรกควรจะได้รับเป็นอย่างยิ่ง
ดีเอชเอยังเป็นโครงสร้างหลักที่ สำคัญในระบบ ประสาทส่วนกลางและจอประสาท และอีพีเอเป็นตัวช่วยสังเคราะห์สารสำคัญต่างๆในร่างกาย โดยเป็นสารตั้งต้นของทรอมโบเซน (thromboxane) และลิวโคเทียน่า (leukotriena) ซึ่งสารประกอบเหล้านี้จะช่วยส่งเสริมภาวะสุขภาพของผู้รับประทานให้สมบูรณ์ แข็งแรงอยู่เสมอ แล้วยังช่วยกระตุ้นความสมบูรณ์และการทำงานของระบบหลอดเลือดอีกด้วย
องค์การอาหารและยาของสหรัฐได้ให้คำ แนะนำว่าการ บริโภคอีพีเอ และดีเอชเอ สามารถช่วยส่งเสริมการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด แต่ยังไม่มีรายงานสรุปว่าสามารถลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดและหัวใจ
ช่วยลดความเสี่ยง หัวใจวายเฉียบพลัน
จากการสำรวจและการวิจัยพบว่า ชาวเอสกิโม ที่อาศัยอบู่บนเกาะกรีนแลนด์ แถบขั้วโลกเหนือ มีอาชีพหลักคือเป็นชาวประมง มีวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ คือ รับประทานปลาเป็นอาหารหลัก นั้นมีอัตราการเกิดโรคหัวใจต่ำที่สุดในโลก นั่นแสดงให้เห็นว่า กรดไขมันกลุ่ม Omega-3 มีผลต่อการป้องการการเกิดโรคหัวใจ และลดอัตราการเสียชีวิตจากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน
ควบคุมระดับไขมันในเส้นเลือด
กรดไขมัน Omega-3 จะส่งผลในการลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ และยังส่งผลต่อการลดระดับ วีแอลดีแอล ในเลือดอีกด้วย ทำให้ลดการสะสมไขมันในผนังหลอดเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยทำให้เกิดโรคหลอดเลือดตีบตันในสมองและหัวใจ
สมอง ตา และการพัฒนาการ
นอกจากนี้ กลไกการปฏิบัติงานของกรดไขมันนั้นเกี่ยวเนื่องกับการทำงานของระบบต่างๆภายในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง DHA (ซึ่งพบมากในน้ำนมแม่ และรก) ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญในการผลิตฮอร์โมนสำหรับเด็กทารกในครรภ์ มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของสมองของทารกเช่นเดียวกับเซลล์อื่นๆ สารอาหารที่มีส่วนประกอบของ DHA และกรดอะโคคิโดนิก ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญอย่างหนึ่งในการพัฒนาเซลล์สมอง และการพัฒนาประสาทบริเวณจอตา หรือเรตินาของตา
ลดอาการปวดท้องรอบเดือน
Omega-3 ช่วยสร้างสารกลุ่มหนึ่งที่มีคุณลักษณะฮอร์โมนที่ชื่อว่า ไอโคซานอยด์ Eicosanoid ซึ่งมีส่วนเกี่ยวพันในการควบคุมระบบการแข็งตัวของเลือด การหดตัวของเส้นเลือด และการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบ(ซึ่งอยู่นอกการบังคับ) ซึ่งช่วยลดอาการหดของมดลูก และหากขาดแคลน โอเมก้า-3 แล้วร่างกายย่อมมีปัญหาเกี่ยวกับลิ่มเลือดแข็งตัว ปวดท้องน้อยเวลามีประจำเดือน
ลดอาการอักเสบ
กรดไขมัน โอเมก้า-3 จะส่งผลต่อการกำจัดการสร้างสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบที่มีชื่อว่า Cytokines และลดการอักเสบในกรณีที่ร่างกายเกิดการอักเสบเพราะต่อสู้กับเชื้อโรคหรือ ความผิดปกติต่างๆ ช่วยลดการกำเริบของโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง และมะเร็งเต้านม (ผลการวิจัยของ New England Journal of Meddicine)
หัวใจและสมอง
ส่วนเรื่องเกี่ยวกับหัวใจ กรดไขมันกลุ่มนี้ช่วยทำให้เยื่อหุ้มเซลล์ มีกลไกการปั้มเข้าออก สารต่าง ๆ เช่น แคลเซียม, โซเดียมคลอไรด์และประจุไฟฟ้าอื่น ดำเนินไปอย่างปกติ เพื่อควบคุมการยืด และหดตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ ด้วยเหตุนี้ถ้ากรดโอเมก้า – 3 ขาดหายไป การเต้นของหัวใจ ย่อมผิดปกติ เรียกว่า การเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) ซึ่งเป็นสาเหตุการตายที่พบบ่อย และเกิดแทรกซ้อนหลังจากหัวใจวาย ดังปรากฏในการทดลองกับกลุ่มผู้ชาย 295 คน ที่เมืองซีแอตเติล ที่รับประทานปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง จะมีอัตราการเกิด ภาวะหัวใจล้มเหลว เนื่องจากการเต้นหัวใจผิดจังหวะ เพียงครึ่งเดียวของกลุ่ม ที่ ไม่รับประทานอาหารแบบเดียวกัน
นอกจากนี้ เยื่อหุ้มเซลล์ในสมองมีโครงสร้างที่เป็นสารกรด DHA ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ด้วยเหตุนี้จิตแพทย์ Dr.Joseph R.Hibbeln แห่ง National Institute on Alcohol Abuse and Alcoholism เชื่อว่าถ้าปริมาณสารกรด DHAในเยื่อหุ้มเซลล์ของสมองต่ำลง ย่อมก่อให้เกิดปัญหาในการสื่อสารทางสมอง จนเกิดความผิดปกติทางด้านจิตใจ โดยเฉพาะความเซื่องซึม เพราะเขาเฝ้าติดตามดูในคนไข้ที่มีปัญหานี้ และนักศึกษาชาวญี่ปุ่น 22 คน ที่มีอาการเครียด ก้าวร้าว ในช่วงก่อนสอบ ถ้าได้รับอาหารเสริมที่มีกรดไขมันกลุ่มนี้แล้ว เขามีอาการกระด้างลดลง
สรุปคุณค่าของน้ำมันปลา และ Omega-3
1.ลดการเกิดลิ่มเลือดในเลือด
2.ช่วยควบคุมไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด
3.ช่วยควบคุมแรงดันโลหิต
4.ช่วยควบคุมอาการอักเสบ ปวด บวม อาการปวดข้อรูมาตอยด์
5.ป้องกันการอักเสบของอวัยวะต่างๆ และโรคผิวหนังบางประการ
6.ลดการเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดอุดตันเฉียบพลัน
7.ลดความข้นเหนียวของเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนไปยังส่วนต่างๆของร่างกายได้ดีขึ้น
8.มีกรดไขมัน DHA ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองและเรตินาของดวงตา
เอกสารอ้างอิง
Barter P, Ginsberg HN. Effectiveness of combined statin plus omega-3 fatty acid therapy for mixed dyslipidemia. Am J Cardiol. 2008 Oct 15:102(8):1040-5
Lee JH, Harris WS, et al. Omega-3 fatty acids for cardioprotection. Mayo Clin Proc. 2008 Mar;83(3):324-32.
SanGiovanni JP, Chew EY, Sperduto RD, et al. The relationship of dietary omega-3 long-chain polyunsaturated fatty acid intake with incident age-related macular degeneration:AREDS report no. 23. Arch Ophthalmol. 2008 Sep;126(9):1274-9.
SanGiovanni JP, Parra-Cabrera S, Colditz GA, Berkey CS, Dwyer JT. Meta-analysis of dietary essential fatty acids and long-chain polyunsaturated fatty acids as they relate to visual resolution acuity in healthy preterm infants. Pediatrics 2000;105:1292-8.
Kris-Etherton PM, Harris WS, Appel LJ. Omega-3 fatty acids and cardiovascular disease: new recommendations from the American Heart Association. Arterioscler Thromb Vasc Biol. 2003;23(2):151-152.
OMEGALIFE-3™ OTC
[o¯me˘ga¯ -lı¯f 3]
Omega-3 Fatty Acid Supplementation
DESCRIPTION
OmegaLife-3™ is a blend of omega-3 fatty acids designed to help maintain healthy cardiovascular and cerebral function as well as aiding in the prevention of age-related macular degeneration.
OmegaLife-3™ is an amber-colored, semi-viscous, fatsoluble liquid. Each serving of OmegaLife-3™ contains the following active ingredients 800 mg eicosapentaenoic acid (EPA), 400 mg docosahexaenoic acid (DHA), and vitamin E. In addition, it also contains the inactive ingredients gelatin, glycerin, purified water, and orange oil. OmegaLife-3™ has been molecularly distilled to ensure exceptionally pure oil and includes orange oil to prevent a fishy after taste.
BENEFITS AND RESEARCH
Clinical research suggests that fish oil can help support proper brain and visual function. In 2002 the FDA approved supplementation of DHA in infant formula. DHA is potentially important in fetal and infant neural development, in that DHA and arachidonic acid have been shown to be incorporated into brain and retinal cell membranes—particularly during the third trimester and early infant life.
DHA is the predominant structural fatty acid in the central nervous system and in the retina of the eyes.
EPA supports the synthesis of important compounds in the body. EPA is the precursor of thromboxane and leukotriene, compounds involved in supporting healthy circulation. They also promote healthy blood vessels.*
Evidence is accumulating that increasing intakes of EPA and DHA can decrease the risk of cardiovascular disease by preventing arrhythmias, decreasing the risk of thrombosis, decreasing triglyceride levels, slowing the growth of atherosclerotic plaque, and decreasing inflammation.*
The U.S. Food and Drug Administration (FDA) has stated that, “Supportive but not conclusive research shows that consumption of EPA and DHA omega-3 fatty acids may reduce the risk of coronary heart disease.”
USAGE
Take two softgels per day with a meal.
SAFETY AND WARNINGS
OmegaLife-3™ is well tolerated. Some gastrointestinal discomfort may be experienced as with any dietary supplement. Common side effects include a “fishy” taste upon eructation.
HOW SUPPLIED
Available in softgels.
REFERENCES
Barter P, Ginsberg HN. Effectiveness of combined statin plus omega-3 fatty acid therapy for mixed dyslipidemia. Am J Cardiol. 2008 Oct 15:102(8):1040-5
Lee JH, Harris WS, et al. Omega-3 fatty acids for cardioprotection. Mayo Clin Proc. 2008 Mar;83(3):324-32.
SanGiovanni JP, Chew EY, Sperduto RD, et al. The relationship of dietary omega-3 long-chain polyunsaturated fatty acid intake with incident age-related macular degeneration:AREDS report no. 23. Arch Ophthalmol. 2008 Sep;126(9):1274-9.
SanGiovanni JP, Parra-Cabrera S, Colditz GA, Berkey CS, Dwyer JT. Meta-analysis of dietary essential fatty acids and long-chain polyunsaturated fatty acids as they relate to visual resolution acuity in healthy preterm infants. Pediatrics 2000;105:1292-8.
Kris-Etherton PM, Harris WS, Appel LJ. Omega-3 fatty acids and cardiovascular disease: new recommendations from the American Heart Association. Arterioscler Thromb Vasc Biol. 2003;23(2):151-152.
* THESE STATEMENTS HAVE NOT BEEN EVALUATED BY THE FOOD AND DRUG ADMINISTRATION. THIS PRODUCT IS NOT INTENDED TO DIAGNOSE, TREAT, CURE, OR PREVENT ANY DISEASE.